เทรนด์การตลาดออนไลน์ปี 2020 กลยุทธ์คอนเทนต์สำหรับธุจกิจออนไลน์ PR อย่างเดียวไม่พอ ต้องปิดการขายได้ด้วย

ช่วงเวลาเปลี่ยน อะไรๆ ก็ย่อมเปลี่ยน ไม่เว้นแม้กระทั่งเทรนด์การตลาดออนไลน์ที่เปลี่ยนไปทุกปี ยิ่งกลุ่มธุรกิจที่เคยทำงานแบบออฟไลน์กระโดดลงมาทำธุรกิจออนไลน์มากขึ้น ยิ่งเป็นตัวเร่งให้วงการธุรกิจออนไลน์เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้นตามมา เป็นโจทย์ปัญหาที่ทีมการตลาดต้องเรียนรู้และอัปเดตกลยุทธ์ให้สดใหม่อยู่เสมอ เทรนด์การตลาดออนไลน์ปี 2020 นี้ แบรนด์จะปรับกลยุทธ์การทำคอนเทนต์อย่างไร ให้มีครบพร้อมตอบโจทย์แบรนด์ในด้าน Awareness, Engagement และ Sale


Data Driven Marketing วิเคราะห์ข้อมูลฐานของทุกสิ่ง

แน่นอนว่าในการทำการตลาดออนไลน์ปี 2020 หรือปีก่อน ๆ นั้น ล้วนให้ความสำคัญกับการเก็บ DATA หรือการรวบรวมข้อมูลผู้บริโภคมาวิเคราะห์พฤติกรรมและความชอบแบบเจาะลึก จะทำให้แบรนด์สามารถตีกรอบการวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการผลิตคอนเทนต์ การเลือกช่องทางในการซื้อโฆษณาดิจิตอล การคัดเลือกช่องทางเพื่อนำเสนอและการออกแบบบริการบนหน้าร้านออนไลน์ให้จับกลุ่มเป้าหมายได้อยู่หมัด

ผลการวิจัยจาก Mckinsey research พบว่าการทำความรู้จักลูกค้าจะช่วยให้แบรนด์สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ถึง 23 เท่า และรักษาลูกค้าประจำไว้ได้ถึง 9 เท่า อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์พฤติกรรมและทัศนคติของลูกค้า จะเป็นฐานตั้งต้นให้แบรนด์สามารถวางแผนทำงานได้ตลาดและวางแผนกลยุทธ์ในด้านอื่นๆ ได้อีกมากทีเดียว

SMarketing รวมพลังสร้างแผนการตลาด

การทำคอนเทนต์ตอบโจทย์ด้าน Awareness และ Engagement เพื่อสร้างธุรกิจให้เป็นที่รู้จักและมีชื่อสียงในสายตาผู้บริโภคจะไม่เพียงพออีกแล้ว แต่คอนเทนต์นั้นต้องปิดการขายให้ได้ด้วย ซึ่ง SMarketing เป็นการผนึกกำลังกันระหว่างทีมขาย (Sale) และทีมการตลาด (Marketing) เพื่อการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และวางกลยุทธ์ทำคอนเทนต์อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

โดยทีม Sale ที่จะมีประสบการณ์ในด้านติดต่อพูดคุยกับลูกค้าโดยตรง จะเป็นให้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าของแบรนด์ในส่วนนี้ อย่างพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้า ทัศนคติที่มีต่อแบรนด์ กระทั่งความคาดหวังที่อยากได้จากแบรนด์ เพื่อให้ Marketing นำข้อมูลทั้งหมดไปวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลผู้บริโภคที่ทีมการตลาดศึกษามาจากโซเซียล ซึ่งผลลัพธ์ก็จะช่วยให้แบรนด์มีฐานข้อมูลสำคัญที่จะทำให้สามารถวางแผนพัฒนาคอนเทนต์ได้ตรงเป้าหมายและเกิดประโยชน์กับแบรนด์ได้มากที่สุด นั้นก็คือนอกจากจะทำให้ยอดวิว ยอดแชร์ ได้แล้ว ยังสามารถปิดการขายได้ในตัวอีกด้วย

Content creator สร้างคอนเทนต์ที่หลากหลาย

อย่างที่กล่าวถึงไปในหัวข้อด้านบน การสร้างคอนเทนต์สำหรับจับเทรนด์การตลาดออนไลน์ปี 2020 นี้ จะไม่มุ่งเป้าเพียงการสื่อสารและสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์ อย่าง Brand Awareness และ Engagement อีกต่อไปแล้ว แต่ต้องมุ่งเป้าไปที่การสร้างยอดขายหรือ Conversion นั่นเอง       ในปีนี้ทุกกลุ่มธุรกิจจะต้องสร้างคอนเทนต์มาแข่งขันกันอย่างเข้มข้น นอกจากมุ่งเป้าไปที่การสร้างยอดขายแล้ว ยอดโฟกัสไปที่ความต้องการของผู้บริโภค การมอบประโยชน์และคุ้นค่าจากการอ่านคอนเทนต์ที่แบรนด์นำเสนอออกมา รวมถึงไม่เน้นที่การผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบบทความเพียงแบบเดียว ได้แก่

AR Filter – เทคโนโลยีส่องภาพเสมือน 3 มิติ ผ่านมือถือและแท็ปเล็ต แบรนด์จะสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบนี้ พร้อมเปิดให้ผู้บริโภคสามารถนำไปเล่นได้อย่างอิสระ อย่าง ฟีเจอร์ AR Filter ที่มาแรงใน IG Story ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้งานสร้างสรรค์ Filter ของในแบบของตัวเองและสามารถนำไปเผยแพร่ให้ผู้ใช้งานคนอื่นนำไปใช้ได้อีกด้วย

Gif – คอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวสั้น ๆ ด้วยวิธีหยิบเอาสินค้าของแบรนด์มาสร้างเป็นภาพไฟล์ Gif ดุ๊ดดิ๊กง่าย ๆ  แต่สามารถสร้างความสนุกให้ผู้ใช้งานได้ไม่น้อยเลย

Video Content – แม้จะไม่ใช่เทรนด์ใหม่ แต่ข้อมูลจาก Hootsuite เปิดเผยว่าผู้ใช้งานโซเชียลนิยมดูวีดิโอออนไลน์มากถึง 90% บ่งบอกว่าผู้บริโภคในปัจจุบันนิยมรับสื่อประเภท VDO มากขึ้น แนวทางการสร้างคอนเทนต์ในปีนี้แบรนด์ควรลงทุนกับการผลิต VDO Content นำข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ DATA ไปปรับแต่งเนื้อหาให้ตอบโจทย์และโดนใจผู้บริโภคมากขึ้น

Live Streaming – หรือ Live สด เทรนด์ที่ผู้ใช้งานโซเชียลกำลังให้ความนิยม เป็นฟั่งก์ชั่นที่หลายแพลตฟอร์มเปิดให้ใช้งาน เช่น Facebook IG และ Youtube  สามารถใช้งานได้ฟรี โดยการการชม Live สด แต่ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมกับผู้ชมได้อย่างเรียลไทม์ อย่างการแนะนำสินค้า ขายสินค้า สัมมนาออนไลน์ ซึ่งผู้บริโภคสามารถสื่อสารและตอบคำถามได้ทันที

Content SEO – ปั้นคอนเทนต์ให้ติดเทรนด์ ด้วย Kyeword สั้นๆ ที่ชาวอินเทอร์เน็ตนิยมใช้ค้นหาบน google เป็นกลยุทธ์ฮอตที่ทุกธุรกิจผลิตเป็นของแบรนด์โดยเฉพาะ เพื่อดันเว็บไซต์ของธุรกิจให้ติดหน้า 1 บน Google  ซึ่งจะช่วยเรียก Oragnic Traffic เข้าสู่เว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี ในปี 2020 เทรนด์การทำ SOE แบรนด์จะต้องแข่งขันขับเขี้ยวกับแบรนด์อื่นอย่างหนัก  ไม่เพียงทำคอนเทนต์ให้ Google ถูกใจด้วย Keyword สั้น และ Keyword  ยาวเท่านั้น กระทั่งผู้บริโภคก็ถูกจับด้วยคอนเทนต์ให้อยู่หมัดด้วยเช่นกัน

Channel ช่องทางเดียวไม่พอ ต้องวางแผนให้ครบ

Channel

เมื่อวางแผนทำคอนเทนต์แล้ว ต้องไม่ลืมวางแผนช่องทางนำเสนอคอนเทนต์ที่เหมาะกับแบรนด์ของคุณด้วย สำหรับแบรนด์ที่ทำธุจกิจออนไลน์นั้น ต้องพิจารณาว่าลูกค้าของแบรนด์อยู่ในช่องทางไหนและสั่งสินค้าของจากร้านผ่านช่องทางไหนมากที่สุด เพราะแพลตฟอร์มออนไลน์หลัก ที่แบรนด์ใช้เปิดร้านออนไลน์ตั้งแต่แรกเริ่ม อาจจะไม่ใช่ช่องทางที่ใช้ขายสินค้าและบริการได้มากที่สุดก็ได้

จากผลสำรวจพฤติกรรมให้ใช้อินเทอร์เน็ตของชาวไทย โดย ETDA เปิดเผยว่า Facebook Fanpage เป็นช่องทางที่ร้านค้าเลือกให้เป็นช่องทางขายหรือบริการออนไลน์มากสุดที่ 64.0 % และเลือก Shopee เป็นอันดับสองที่ 43.1% ส่วนทางผู้บริโภคที่เลือก Shopee เป็นช่องทางในการซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุดที่ 75.5 %  และเลือกช้อปปิ้งใน Facebook Fanpage เป็นอันดับ 3 ที่ 47.5%

เห็นได้ชัดว่าการทำคอนเทนต์โดยโฟกัสไปที่การเผยแพร่ในช่องทางเดียว อาจจะไม่ช่วยให้แบรนด์ทำการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกแล้ว การปรับแนวทางสร้างคอนเทนต์ให้พร้อมเผยแพร่ในหลายช่องทางจะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้อย่างครอบคลุม

Conversational Marketing เจาะลึกพร้อมให้ข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง

Conversational Marketing

การสื่อสารกับลูกค้าแบบเจาะลึก ด้วยการพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้าโดยตรงผ่าน Chatbot ระบบตอบแชทอัตโนมัติผ่าน AI ที่ให้ประสิทธิภาพในการถาม – ตอบ ข้อมูลกับกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก ๆ รวมถึงคำถามประเภทเดิมได้พร้อมกันและเรียลไทม์กว่า การโต้ตอบระหว่างผู้ดูแลกับลูกค้า เหมาะกับการนำมาใช้กับกลุ่มผู้บริโภคยุคดิจิตอลที่มีพฤติกรรมชื่นชอบความเร็วเร็วทันใจ แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นแหล่งรวมตัวของธรุกิจออนไลน์ไม่ว่าจะ Facebook messenger, Line@, Line Chat ก็มีฟีเจอร์ Chatbot เปิดให้บริการ

ซึ่งมีผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคนิยมใช้โปรแกรมแชทคุยธุรกิจ 65% ใช้ Messaging Application สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ 50% และอีก 50% ต้องการให้ธุรกิจเปิดทำการ 24 ชั่วโมง ดังนั้นในปี 2020 แบรนด์อาจจะเน้นความสำคัญมาที่การเสริมการสร้างปฏิสัมพันธ์ด้วยบริการผ่าน Chatbot ด้วยการคาดเดาคำถาม ออกแบบคำตอบให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เพียงสร้างความประทับใจและทำให้ธุรกิจของคุณเป็นแบรนด์ในดวงใจลูกค้าเท่านั้น Chatbot ยังสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกที่รวบรวมจากประวัติการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อนำพฤติกรรมการตั้งคำถาม ช่วงเวลาที่ถาม และจุดด้อยของแบรนด์ เพื่อนำไปพัฒนาบริการของแบรนด์ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม กระทั่งการวางกลยุทธ์การตลาดเพื่อนำพาลูกค้าไปสู่ขั้นปิดการขายได้ภายในช่องทางเดียว

อ่านเพิ่มเติม : New 4P คืออะไร , เจาะตลาดออนไลน์ 2021


เทรนด์การตลาดออนไลน์ในปี 2020 ธุรกิจต้องเจอพายุการแข่งขันทางการตลาดออนไลน์ที่หนักหน่วงขึ้น การเก็บ DATA จากลูกค้าจะต้องผนึกกำลังกันระหว่างทีมขาย (Sale) และทีมการตลาด (Marketing) เพื่อนำข้อมูลลูกค้าของทั้ง 2 ทีม มาวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคแบบเชิงลึก ที่จะกลายมาเป็นฐานข้อมูลสำคัญสำหรับแบรนด์ ในการวางกลยุทธ์ทำคอนเทนต์ที่ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่มป้าหมายในทุกช่อง อย่างไรด็ตามคอนเทนต์เพื่อการ PR จะไม่ได้มุ่งไปที่การสื่อสารด้าน Awareness และ Engagement ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักพียงอย่างเดียวอีกแล้ว แต่ต้องรวมความเป็น Sale ที่สามารถปิดการขายไปในตัวได้อีกด้วย

เมื่อรู้กลยุทธ์การหาลูกค้าและยอดขายให้กับธุรกิจได้แล้ว กลยุทธ์จัดการกับออเดอร์ที่ลูกค้าส่งเข้ามาก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ หากวางแผนไม่ดีหรือจัดการขั้นตอนจัดการออเดอร์ไปจนถึงการขนส่งได้ไม่เป็นระบบ กลยุทธ์การตลาดที่แบรนด์วางแผนมาทั้งหมด ก็นับว่าประสบความสำเร็จแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แต่เทคนิคการทำธุรกิจอย่างคล่องตัว ของร้านค้าออนไลน์ ทำได้ไม่ยากแค่มีระบบช่วย เพียงเจ้าของธุรกิจออนไลน์วางแผนการตลาด การจัดการหน้าร้าน และหลังร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลให้แบรนด์สามารถแข่งขันกับแบรนด์อื่นได้อย่างสมศักดิ์ศรีและจับใจลูกค้าได้อยู่หมัดอีกด้วย


Fillgoods ผู้ช่วยมืออาชีพของธุรกิจออนไลน์ ที่จะทำให้ชีวิตคุณง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ครอบคลุมทุกการจัดส่ง ตอบโจทย์ทุกการขาย สมัครใช้งานที่ : https://fillgoods.co/ ติดต่อสอบถามและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/fillgoods.co/


ข้อมูลจาก The Growth Master , Steps Academy, The Flight,