3 เทคนิคเปิดร้านค้าออนไลน์ อยากขายดีต้องทำอย่างไร

ปัญหาของพ่อค้าแม่ค้าที่พบมากที่สุดในยุคนี้คือ การที่มีร้านค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยบางร้านก็กลายมาเป็นคู่แข่งทางการค้าของเรา ทำให้เกิดความยากในการขายสินค้าและบริการของเราเพราะลูกค้ามีตัวเลือกในการซื้อมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบราคาของสินค้าได้ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเดี๋ยวนี้กว่าจะขายของได้ทีละชิ้นช่างยากเหลือเกิน สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่กำลังมองหาวิธีที่จะทำให้ยอดขายดีขึ้น บทความนี้เราจะพาพ่อค้าแม่ค้าทุกคนไปสำรวจปัจจัยที่ทำให้เราขายไม่ดีก่อน จากนั้นจะชวนไปดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้างที่จะช่วยให้สินค้าของเราขายดีขึ้น

ทำไมสินค้าเราถึงขายไม่ดี

ปัจจัยแรก เรายังไม่สามารถนำเสนอคุณค่าและประโยชน์ของสินค้าของเราได้เพียงพอที่จะลูกค้าอยากซื้อ และเราไม่สามารถดึงความต้องการของลูกค้าได้ว่าทำไมลูกค้าจะต้องใช้สินค้าหรือบริการจากร้านค้าของเรา ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเราไม่สามารถชี้ให้ลูกค้าเห็นว่าสินค้าของเราจำเป็นขนาดไหนได้ได้ดีพอ

ปัจจัยต่อมา การเพิ่มขึ้นของร้านค้าต่างๆ ทำให้เรามีคู่แข่งทางการค้าเพิ่มขึ้น ในขณะที่ลูกค้ามีปริมาณเท่าเดิมหรืออาจจะมีเพิ่มขึ้นไม่มาก โดยในการขายของตามสถานที่ต่างๆ ทำเลในหาที่ขายสินค้าก้น้อยลง เนื้อจากบางพื้นที่มีพ่อค้าแม่ค้าเดิมขายอยู่แล้ว ส่วนการขายของรูปแบบออนไลน์ เนื่องจากการเปิดเพจไม่ได้มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในเรื่องของต้นทุนทำให้ไม่ว่าจะเป็นพนังงานประจำอยากหาช่องทางในหารายได้เพิ่มหรือบางคนอาจจะทำธุรกิจอยู่แล้วต่างเปิดเพจขายของออนไลน์ที่กันได้ง่ายๆ ทำให้มีการแย่งลูกค้า ดังนั้นหากสินค้าของเราไม่มีคุณภาพ และหาทำเลที่ไม่เหมาะสมก็จะส่งผลทำให้ขายไม่ดีได้

ปัจจัยที่สาม สาเหตุของการขายไม่ดีอีกประการหนึ่งคือการที่เราไม่เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า การเปิดร้านและการขาสินค้าและบริการโดยที่ไม่ได้มีการสำรวจความต้องการของตลาดและแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ดีเสียก่อนก็อาจจะทำให้สินค้าของเราขายไม่ได้เหมือนกัน

ปัจจัยสุดท้าย คือปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ถ้าหากเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีหากเราขายสินค้าที่ฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่ไม่จำเป็นก็อาจส่งผลให้สินค้าขายไม่ออก เพราะผู้บริโภคจะใช้เงินอย่างประหยัด หรือบางรายอาจจะไม่ค่อยกล้าใช้เงินนั้นเอง

3 เทคนิคขายดี

1. วางแผนการขายอย่างรอบคอบ

โดยเริ่มจากการศึกษากลุ่มลูกค้าว่าต้องการสินค้าและบริการแบบใดที่ตอบสนองความพึงพอใจและความต้องการของลูกค้า ซึ่งเราสามารถทำได้ง่ายๆ และไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยการทำแบบสำรวจออนไลน์กับแพลตท์ฟอร์มที่เปิดให้ใช้งานฟรี อย่างการสร้างโพลใน Facebook, Twitter หรือว่าจะเป็นเว็บไซต์ Google form หรือ surveymonkey.com เป็นต้น เท่านี้เราจะก็จะสามารถรู้ได้แล้วว่าสินค้าประเภทไหนที่ลูกค้าสนใจ และเราควรวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับความสนใจของลูกค้าอย่างไร ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในขายให้ร้านค้าของเราด้วย

2. ฝึกการโน้มน้าวใจ

สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการนำเสนอประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับทั้งตัวสินค้าเอง ของสัมมนาคุณ ตลอดจนบริการหลังการขาย นอกจากนั้น การโน้มน้าวใจลูกค้าด้วยการตั้งคำถามหรือการมองเห็นปัญหาของลูกค้าก่อนที่ลุกค้าจะบอกเราพร้อมกับนำเสนอสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะการแก้ปัญหาของลูกค้า ก็จะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้ามากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ หากถูกลูกค้าปฏิเสธ เราไม่ควรถอดใจหรือล้มเลิกการขายกับลูกค้าคนนั้นไปทันที แต่ให้เราลองใช้เวลาสั้นๆ ในการสรุปประโยชน์และข้อดีของสินค้าให้ลูกค้าอีกรอบ พร้อมกับขออนุญาตติดต่อลูกค้าหากทางร้านจัดโปรโมชั่น หรือจัดกิจกรรมพิเศษ หรือชวนให้ลูกค้าติดตามข่าวสารจากเพจของเรา

3.นำเสนอประโยชน์ของสินค้าที่ลูกค้าจะได้รับ

สามารถทำได้โดยการเตรียมคำตอบที่ชัดเจน ซึ่งลูกค้าที่สนใจทุกคนจะต้องเข้ามาถามอย่างแน่นอนว่าสินค้าของเราช่วยอะไร หรือมีประโยชน์อย่างไร เราจึงควรเตรียมคำตอบของเราไว้ให้พร้อม โดยคำตอบดังกล่าวจะต้องชัดเจน ไม่กำกวมหรือเพิ่มความลังเลใจให้ลูกค้าตัดสินใจยากในการซื้อสินค้าของเรา ทั้งนี้ถ้าเป็นไปได้เราควรฝึกนำเสนอสินค้าให้น่าสนใจกว่าคู่แข่ง โดยอาจจะทำได้ด้วยการศึกษาคุณสมบัติของสินค้าและบริการของร้านค้าคู่แข่งเพื่อนำมาเปรียบเทียบ แต่กรณีนี้เราจะต้องรู้จุดแข่งและจุดอ่อนของสินค้าเราจริงๆ และการเปรียบเทียบสินค้าจำเป็นต้องยึดความเป็นกลางไม่เข้าข้างสินค้าของเรามากเกินไป


เทคนิคที่เรารวบรวมมานี้ หวังว่าจะช่วยให้สินค้าของแต่ละคนขายดีขึ้นท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ อย่าลืมว่าหากเราพยายามยัดเหยียดให้ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการมากจนเกินไป อาจจะเป็นการทำลายบรรยากาศดีในการซื้อสินค้าของลูกค้าได้ เนื่องจากลูกค้าจะเกิดความอึดอัดและกดดัน ซึ่งจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ลูกค้าเปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าของร้านอื่นแทนได้ ทางที่ดีเราควรสร้างบรรยากาศที่ดีในการขายเช่นความสนุก และความเป็นมืออาชีพจะดีกว่า