เทคนิคสร้างแบรนด์ให้น่าเชื่อถือบนออนไลน์ เสริมความมั่นใจให้ผู้บริโภค

การทำธุรกิจ E-commerce บนโลกออนไลน์ การสร้างแบรนด์บนออนไลน์ให้มีความน่าเชื่อนับเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้ เพราะการที่ธุรกิจจะไปรอดนั้น ผู้บริโภคที่เขามาซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการก็คือผู้ชี้ชะตาธุรกิจนั่นเองและสิ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคยอมเข้ามาซื้อสินค้าของแบรนด์อย่างง่ายดายก็คือภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

แม้การซื้อสินค้าทางออนไลน์จะเป็นพฤติกรรมปกติของผู้บริโภคในปัจจุบัน อย่างที่เห็นรถขนส่งหลากหลายบริษัทวิ่งส่งพัสดุบนถนนกันจนชินตา แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีผู้บริโภคหลายรายที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์สั่งซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์แม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากพวกเขายังไม่มีความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อสินค้าและบริการบนโลกออนไลน์นั่นเอง

ข้อมูลจาก Go – Globe ได้เปิดเผยว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกา 22 % ไม่เคยซื้อสินค้าหรือบริการจากช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีคนให้เหตุผลไว้ถึง 49 % ว่าเป็นเพราะพวกเขายังขาดความเชื่อถือในแบรนด์หรือผู้ให้บริการ จึงไม่สบายใจในการซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งการที่ธุรกิจไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ จึงทำให้การค้าขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์มีโอกาสสูญเสียรายได้ประมาณ 9.1 พันล้านต่อปีเลยที่เดียว


5 อุปสรรคขวางกั้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคขาช้อป

1. แบรนด์หรือธุรกิจนี้มีอยู่จริงใช่ไหม อย่างที่รู้กันดีว่าการเริ่มทำธุรกิจบนแพตลฟอร์มออนไลน์ในสมัยนี้สร้างได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ทำให้มีร้านค้ามิจฉาชีพผุดขึ้นมามากมาย แถมยังมีข่าวคนถูกโกงจากการซื้อของออนไลน์อยู่บ่อย ๆ จึงไม่แปลกที่ผู้บริโภคหลายคนยังไม่พร้อมเข้าสู่การเป็นนักช้อปปิ้งออนไลน์

2. ฉันจะช้อปปิ้งได้อย่างปลอดภัยไหม การซื้อสินค้าออนไลน์ในหลาย ๆ แพลตฟอร์มต้องผ่านการสมัครสมาชิกและการยืนยันตัวตนโดยการใช้ข้อมูลส่วนตัว รวมถึงการผูกข้อมูลทางการเงินอย่าง บัญชีธนาคาร บัตรเครดิต และบัตรเดบิต เพื่อใช้ชำระสินค้าทำให้ผู้บริโภคหลายรายยังกังวลว่าแบรนด์จะไม่มีการเก็บรักษาข้อมูลที่ได้มาตรฐาน จนทำให้ข้อมูลหลุดไปถึงมือมิจฉาชีพก็เป็นได้

3. สินค้าจริงจะถูกใจไหม การตัดสินใจซื้อสินค้าทางออนไลน์ ผ่านแค่การดูรูปถ่ายและการอ่าน Content อธิบายรายละเอียดสินค้าแค่ 2-3 บรรทัด โดยที่ไม่ได้ผ่านการสัมผัสสินค้าของจริงก็มีความเสี่ยงที่จะได้สินค้าสภาพไม่ตรงกับที่คาดหวังไว้เหมือนกัน ยิ่งสินค้ามีราคาสูงยิ่งตัดสินใจยากไปใหญ่ เพราะแบบนี้จึงทำให้ลูกค่าโบกมือบายไปซื้อที่อื่นได้มากกว่า

4. อยากได้รายละเอียดเพิ่มถามได้ที่ไหน การอ่านคำอธิบายสินค้าเพียงไม่กี่บรรทัดแล้วให้กดสั่งซื้อเลย สำหรับคนที่ยังไม่เคยซื้อของออนไลน์ก็ดูจะเป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่พอตัว ไหนจะข้อสงสัยอีกมากมายที่อยากได้คำตอบที่น่าพอใจถึงจะกล้ากดสั่งซื้อ ถ้าเจอร้านค้าที่ถูกใจแต่ไม่รู้จะเห็นหน้าไปพึ่งใครตอนอยากได้ข้อมูลก็อาจทำให้ผผู้บรโภคโบกมือบายกลับไปซื้อสินค้าแบบออฟไลน์เหมือนเดิม      

5. สินค้ามีปัญหาจะคืนได้ไหม ซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านออฟไลน์ หากสินค้ามีปัญหาเขายังพร้อมเปลี่ยนให้ภายใน 7 วัน แล้วถ้าซื้อผ่านออนไลน์ราคาที่ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ถ้าเปิดกล่องออกมาแล้วเจอปัญหาแบบนี้จะขอเปลี่ยนได้ที่ช่องทางไหนและต้องใช้เวลานานไหม ถ้าแบรนด์ไม่สามารถมอบคำตอบที่ชัดเจนได้ ผู้บริโภคก็จะไม่ซื้อสินค้ากับแบรนด์นั้นนั่นเอง

Tips เทรนด์การทำตลาดในยุคดิจิตอล คงไม่อาจมองข้ามเทรนด์การตลาดออนไลน์ไปได้ เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่จะเข้าถึงผู้บริโภคในยุคนี้ได้ดีที่สุด นัผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ หรือร้านค้าออนไลน์ ต้องปรับเปลี่ยนวิธีนำเสนอสินค้า ให้มีความทันสมัยและสอดรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคมากขึ้นเช่นกัน

รู้จักฟีเจอร์ของเรา
สมัครสมาชิก

อ่านเพิ่มเติม : Customer journey เช็คให้รู้ ดูให้ทันการเดินทางของผู้บริโภค เพื่อการต่อยอดธุรกิจ , พฤติกรรมผู้บริโภค 4 เจนเนอเรชั่น , ระบบขายสินค้าออนไลน์ , ระบบ Fillgoods ผู้ช่วยมืออาชีพของธุรกิจออนไลน์


ความเชื่อมั่นสร้างได้ด้วย 8 เทคนิคสร้างแบรนด์บนออนไลน์ให้น่าเชื่อถือ เสริมยอดขายจากผู้บริโภค

1. สร้างตัวตนบนโซเชียลมีเดีย การสร้างธุรกิจบนโลกออนไลน์ ไม่ใช่แค่การลงขายสินค้าในแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง หรือการยิง Ads โฆษณา แล้วจะทำให้ผู้บริโภคไว้ใจจนยอมซื้อสินค้ากับแบรนด์ได้ทันที เพราะลูกค้าหลายคนยังมีความกังวลกับตัวตนของผลิตภัณฑ์ว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นการสร้างตัวตนบนโลกโซเชียลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญแบรนด์ควรลงมือทำ

อย่างการเปิดช่องทาง PR แบรนด์บนแพลตฟอร์มโซเชียลยอดนิยม เช่น Facebook Line IG  พร้อมสร้าง Website ของธุรกิจโดยเฉพาะควบคู่ไปด้วยกัน เมื่อสร้างแล้วก็ควรทำให้ทุกแพลตฟอร์มีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอด้วยการสร้าง Content โปรโมทสินค้า โปรโมทโปรโมชั่น รวมถึงโปรโมทความเคลื่อนไหวของแบรนด์ ก็เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคชื่นชอบและให้ความสนใจ รวมถึงอย่าลืมสร้างรีวิวดีๆ บนทุกแพลตฟอร์มของแบรนด์ ที่ช่วยเสริมความเป็นมืออาชีพและความน่าเชื่อให้ได้เป็นอย่างดี

2. สร้าง VDO โปรโมทผลิตภัณฑ์ (Product VDO) ภาพนิ่งย่อมอธิบายสรรพคุณของสินค้าได้ดีไม่เท่าภาพเคลื่อนไหวในรูปแบบ VDO ที่ช่วยให้ผู้บริโภคเห็นวิธีการใช้งานแบบแท้จริง ไม่ต้องนั่งดูภาพไปและจินตนาการเอง ซึ่งกว่า 80 % ของผู้บริโภคของเปิดเผยว่า VDO โปรโมทผลิตภัณฑ์ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการสั่งซื้อสินค้าได้มากขึ้น รวมถึงการสื่อสารด้วย VDO จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะหยุดดูผลิตภัณฑ์ได้มากกว่าอีกด้วย

3. เน้นการใช้ภาพจริงสื่อสาร การสร้างโฆษณาสำหรับธุรกิจ E-commerce ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ VDOหรือภาพนิ่งด้วยการใช้ภาพคนหรือสินค้าจริงๆ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้มากถึง 95 % เพราะว่าการได้เห็นสินค้าจริงๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และลดข้อสงสัยเกี่ยวกับสินค้าได้ รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากดส่งซื้อสินค้าได้อีกด้วย

Tips มากกว่า 50 ปีแล้วที่คำว่า 4P วนเวียนอยู่ในชีวิตของคนทำธุรกิจและนักการตลาด จากที่ไม่มีใครรู้เลยว่า 4P คืออะไรกลายเป็นกลยุทธ์สร้างความสำเร็จให้กับใครหลายคน! วันนี้ตามมาดู New 4P ในมิติใหม่ที่จะช่วยให้คนขายออนไลน์และผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ในการแข่งขันได้ทันตลาดและไม่ตกยุค

รู้จักฟีเจอร์ของเรา
สมัครสมาชิก

4. บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ (Brand Stories) ผู้บริโภคไม่ได้โฟกัสเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ แต่ยังสนใจความเป็นมาของแบรนด์ ฉะนั้น การสร้างความเชื่อมั่นผ่าน Content ที่บอกเล่าความเป็นมาของธุรกิจจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจแบรนด์มากขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ความเป็นมา แนวคิดการทำธุรกิจ และการเติบโตของธุรกิจ หากตอนนี้ธุรกิจคุณยังไม่มี Brand Stories ก็ควรเริ่มลงมือทำได้เลย

แนว Content ทางสร้าง Brand Stories ที่น่าสนใจ

  • สร้าง About pages หรือ หน้ารู้จักเราบนเว็บไซต์ อย่างที่เห็นได้บนหน้าเว็บไซต์ของธุรกิจต่างๆ เพื่อบอกเล่าความเป็นมาของธุรกิจ
  • สร้าง VDO Content ความเป็นมาของแบรนด์ แบบคร่าว ๆ เพิ่มความน่าสนใจ
  • เสริม Company Timeline หรือ เส้นทางการเติบโตของธุรกิจ เสริมความน่าเชื่อถือและแสดงพลังความมั่นคงของธุรกิจ

5. สร้าง Content ของแบรนด์ (Brand Content) เพื่อนำเสนอสินค้าของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและความรู้ความเข้าใจให้กับผู้บริโภคผ่านช่องทางของแบรนด์เอง เช่นการสร้าง Content โปรโมทสินค้าบน Facebook IG หรือ Website ของแบรนด์ เพราะเจ้าของธุรกิจย่อมรู้จัดสินค้าตัวเองดีที่สุด ย่อมนำเสนอประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ออกมาได้ดีกว่า รวมถึงสามารถวางแผนไปจนถึงการประชาสัมพันธ์แบรนด์ธุรกิจให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นได้อีกด้วย

  • Content ให้ความรู้ – บทความแนวให้ความรู้ทั่วไป ที่สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวมาสู่ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ที่สามารถตอบโจทย์หรือแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ จนกระทั่งนำไปขั้นปิดกรขายได้ในที่สุด
  • SEO Content – เทรนด์การสร้าง Content ยอดนิยมที่ทุกแบรนด์ต้องทำ ด้วยเทคนิคการเขียน Content ลงบนเว็บไซต์ของแบรนด์ เพื่อให้ติดอันดับในหน้าแรกของ Google ถ้าหากต้องการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างแท้จริง SEO Content เป็นสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลย
  • Content โปรโมทสินค้า – Content สำหรับขายโดยเฉพาะ ที่สามารถนำเสนอประโยชน์ วิธีการใช้งาน และข้อดีของผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เข้าไปได้อย่างเต็มที่
  • FAQ Content –ไขข้อข้องใจลูกค้าด้วย Content ที่รวบรวมคำถามที่ผู้บริโภคชอบถามเข้ามามากที่สุดมาตอบไว้ใน Content เดียว เสริมการให้ข้อมูลที่รวดเร็วและลดขั้นตอนทำงานที่ยุ่งยากของพนักงาน

6. เสริมด้วย Live Chat เพราะ Content อาจจะยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้จนกว่าจะได้ผู้คุยและโต้ตอบกับพนักงานจริง ๆโดยผู้บริโภคกว่า 42 % เปิดเผยว่าต้องการ Live Chat เพื่อแก้ไขปัญหาและตอบข้อสงสัยในระหว่างซื้อสินค้า ฉะนั้น การมีพนักงานคอยดูแลสื่อสารกับลูกค้าแบบเรียลไทม์จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายและดึงลูกค้าออนไลน์มือใหม่ให้เข้ามาเป็นลูกค้าของแบรนด์อย่างแท้จริง

7. สื่อสารตรงจุดผ่าน E-mail (Personalized Emails) – การสื่อสารหรือโฆษณาผลิตภัณฑ์ผ่านอีเมล์ ยังไม่ใช่วิธีที่ล้าสมัย แต่เป็นเครื่องมือที่จะช่วยสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นการสื่อสารกับผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของแบรนด์อย่างแท้จริง ทำให้แบรนด์สามารถออกแบบกลยุทธ์ทางการสื่อสารด้วยการส่งข่าวสารให้ความรู้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ โปรโมชั่นพิเศษ หรือแม้กระทั่งส่งโปรโมชั่นลับให้กับลูกค้าได้แบบรายคนเลยทีเดียว

9. บริการใช้งานง่ายและครอบคลุม มีช่องทางบนโซเซียลแล้ว สินค้าพร้อมขายแล้ว Content โปรโมทสินค้ามีครบแล้ว แต่ถ้าขั้นตอนสั่งซื้อสินค้ายังยุ่งยาก ก็ทำให้ผู้บริโภคหนีหายได้เหมือนกัน โดยข้อมูลจาก Go – Globe เปิดเผยว่า 52 %  ของผู้บริโภคมักจะยกเลิกการสั่งซื้อสินค้า เพราะกลัวขั้นตอนสั่งซื้อสินค้าที่ซับซ้อนเกินไป ดังนั้นการออกแบบขั้นตอนสั่งซื้อสินค้าที่ง่าย นำพาไปสู่ขั้นชำระเงิน และใส่ข้อมูลสำหรับจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ


เครื่องมือเสริมการให้บริการผู้บริโภคสำหรับธุรกิจ E-commerce ในปัจจุบัน ธุรกิจไม่จำเป็นต้องลงทุนจ้างบริษัทอื่นเพื่อสร้างขึ้นมาอีกแล้ว แต่สามารถเลือกใช้บริการจากบริษัทผู้ให้บริการระบบจัดการธุรกิจออนไลน์โดยเฉพาะได้ ด้วยแพลตฟอร์มที่สร้างมาอย่างเข้าใจและตอบโจทย์การซื้อ – ขาย และทำธุรกิจผ่านทางออนไลน์ ให้ตอบสนงความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ จัดการข้อมูลลูกค้าได้ละเอียดไม่มีหลุด โต้ตอบกับลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และไขข้อข้องใจได้ทันที  กระทั่งสามารถปิดการขายและจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

รู้จักฟีเจอร์ของเรา
สมัครสมาชิก