การทำธุรกิจขายสินค้าหรือบริการสิงที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดก็คือการตั้งราคาสินค้านั่นเอง การตั้งราคานั้นมีกลยุทธ์ให้เลือกใช้มากมายหลายรูปแบบ แต่การกำหนดราคาสินค้านั้นต้องมีความเหมาะสมและสมเหตุสมผล ห้ามตั้งราคาถูกเกินไปจนไม่มีกำไรหรือตั้งราคาสูงเกินไปจนลูกค้าไม่โอเค ซึ่งวันนี้เราได้นำเอาเทคนิคการตั้งราคาสินค้าให้เหมาะสมและสามารถดึงดูดลูกค้าได้อย่างอยู่หมัดมาฝากพ่อค้าแม่ค้าทุกคนแล้ว
3 กลยุทธ์หลักการของการตั้งราคา
การตั้งราคาตามต้นทุน
เป็นการตั้งราคาโดยคำนึงถึงความเป็นจริง โดยการเอาต้นทุนการผลิต + ค่าแรง + ค่าบรรจุภัฑณ์ + กำไรที่ต้องการเป็นที่ตั้ง จนกระทั่งได้ออกมาเป็นราคาต่อหน่วยตามที่ต้องการและเจ้าของธุรกิจรับได้
การตั้งราคาตามลูกค้า
นับว่าเป็นการตั้งราคาที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด แต่กว่าที่จะได้ราคาที่เหมาะสมมานั้นจะต้องผ่านการทำวิจัย การหาข้อมูลจากกลุ่มลูกค้าจริง ๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ลูกค้าแฮปปี้มากที่สุด
ตั้งราคาตามคู่แข่ง
เป็นวิธีการตั้งราคาโดยการศึกษาตลาดจากคู่แข่งในกลุ่มธุรกิจหรือสินค้าซึ่งการตั้งราคาแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเท่ากับคู่แข่งแป๊ะ ๆ อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าเพียงเล็กน้อยก็ได้ ซึ่งการตั้งราคาแบบนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่ง เพราะทำให้ได้ราคาที่ลูกค้าของธุรกิจมองว่าเหมาะสม
ซึ่งนอกจากหลักการตั้งราคาแบบการนำปัจจัยของต้นทุนการผลิต ความต้องการของลูกค้า และความต้องการของตลาดมาเป็นองค์ประกอบในการตั้งสินใจแล้ว แต่ในวงการสงครามราคานั้นยังมีเทคเทคนิคการตั้งราคาเพื่อเรียกลูกค้าอีกมากมาย โดยเฉพาะการตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าชิ้นนั้นมีราคาที่ถูก คุ้มค่า และเหมาะสมกับการซื้อ ซึ่งการทำโปรโมชั่นลดราคาเหลือเปิดตัวสินค้าต่าง ๆ มักจะใช้จิตวิทยาการตั้งราคามาเป็นส่วนกระกอบด้วยกันทั้งนั้น ลองมาดูกันดีกว่าว่าการตั้งราคาสินค้าโดยใช้เทคนิคจิตวิทยานั้นมีอะไรบ้าง
5 กลยุทธ์ตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค้าคุ้มราคา
ตั้งราคาแบบเลขคี่
สินค้าราคาไม่แพงสร้างได้การตั้งราคาแบบเลขคี่ เป็นการใช้จิตวิทยาเพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าชิ้นนั้นราคาไม่แพงจนเกินไปและอยู่ในเรทที่รับได้ เช่น ราคา 199 บาท 299 บาท 399 บาท ถึงแม้สินค้าชิ้นนั้นจะมีส่วนต่างอยู่ที่ 1 บาทก็ตาม แต่ลูกค้าก็จะรู้สึกเหมือนกับสินค้าชิ้นนี้ได้รับการลดราคามาแล้วนั้นเอง
ตั้งราคาแบบเลขคู่
เทคนิคนี้เป็นจิตวิทยาที่ให้ผลลัพธ์ตรงข้ามกับการตั้งราคาแบบเลขคี่ สามารถใช้ได้กับสินค้าที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพให้กับลูกค้า เช่น 500 บาท 800 บาท 1,000 บาท ด้วยราคาที่ตามด้วยเลขศูนย์ต่อท้ายแบบกลม ๆ นี้เอง จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าร้านคุณเป็นของมีราคาและมีคุณภาพสูงอีกด้วย
ตั้งราคาแบบซื้อแล้วแถม
มีใครบ้างที่ไม่ชอบของถูกและของฟรี โดยเฉพาะสินค้าที่ซื้อแล้วแถมสินค้าอีก 1 ชิ้น เพราะมันสร้างความรู้สึกคุ้มค่าคุ้มราคาในความรู้สึกของผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน เช่น ซื้อ 1 แถม 1 ซื้อ 2 แถม 1 มา 4 จ่าย 3 เป็นต้น การตั้งราคาแบบนี้นอกจากจะทำให้ลูกค้าชอบใจและรีบซื้อสินค้าอย่างรวดเร็วแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ร้านค้าสามารถเคลีย์สินค้าออกจากสต๊อกได้อีกด้วย
ตั้งราคาที่รวมแล้วลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่า
จ่ายราคาเดียวแต่ได้สินค้ามากถึง 3 ชิ้น เป็นเทคนิคการตั้งราคาสินค้าที่แบรนด์หนึ่งชอบออกโปรโมชั่นเป็นประจำ เช่น 199 บาท 299 บาท 399 บาท คละสินค้าได้ 3 ชิ้น เป็นการตั้งราคาแบบไล่ระดับ ตามคุณภาพและราคาของสินค้า เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับการซื้อสินค้าในราคาเหมา ๆ และได้ของที่หลากหลายและเลือกได้ตามใจนั่นเอง
แต่ในแง่ของร้านค้าออนไลน์สามารถตั้งราคาส่งแบบเหมา ๆ ได้อีก 1 วิธีก็คือการตั้งราคาสินค้าแบบรวมค่าส่งนั่นเอง อย่างเช่นสินค้าราคา 250 รวมส่ง จะทำให้ลูกค้าสนใจและกดซื้อสินค้าได้มากกว่าการตั้งราคาว่าสินค้าราคา 200 + ค่าส่ง 50 อีกด้วย
ตั้งราคาพิเศษสำหรับสินค้าเพิ่งเปิดตัว
สินค้าที่เพิ่งเปิดตัวใคร ๆ ก็ต่างเชื่อว่าจะต้องมีราคาที่แพงเต็มเพดานราคากันทั้งนั้น เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีการใช้งานที่ไหนมาก่อน แต่ในความจริงแล้วสินค้ามีเพิ่งเปิดตัวนั้นก็สามารถตั้งราคาพิเศษได้เช่นกัน ซึ่งราคาพิเศษนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องลดราคาตั้งแต่เริ่มเปิดตัว แต่เป็นการตั้งโปรโมชั่นของแถมนิด ๆ หน่อย ๆ เช่นซื้อสินค้าที่เปิดตัวใหม่วันนี้ รับเลยของแถม XXX หรือ ส่วนลดค่าส่ง XXX บาท เพียงเท่านี้ก็ช่วยจูงใจลูกค้าให้ซื้อสินค้าชิ้นนั้นได้แล้ว
การตั้งราคาสินค้าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่มีกฎตาตัวและสามาถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามราคาเป็นสิ่งที่ช่วยดึงลูกค้าเข้าซื้อของในร้านได้ก็จริง แต่พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องไม่ลืมว่าราคาสินค้าที่ตั้งต้องสามรรถทำกำไรให้ร้านค้าได้อย่างสมเหตุสมผลจริง ๆ ไม่ได้ตั้งเอามันส์เพื่อเรียกลูกค้าและตัดราคาร้านคู่แข่งเพียงอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นจากที่ควรจะกิจการขยายใหญ่โต เพราะสินค้าขายดีมีลูกค้าซื้อเยอะ ก็จะกลายเป็นขายดีจนเจ๊ง เพราะขายดีอย่างเดียวแต่ไม่มีกำไรนั่นเอง
มีปัญหาเรื่องธุรกิจออนไลน์ อยากปรึกษาผู้ช่วยธุรกิจมืออาชีพ โทรหา Fillgoods เลย!
วันจันทร์ – วันศุกร์
เวลา 09.00 – 18.00 น.