7 เทคนิคแพ็คของอย่างไรให้เร็วและปลอดภัย เพื่อสินค้าส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

ข้อสำคัญของผู้ที่ขายของออนไลน์ คือ การเตรียมส่งของที่ต้องรวดเร็ว แต่ขั้นตอนของการแพ็คของใส่กล่องกลับเป็นปัญหาที่มักจะพาให้ช้าเสมอและอาจทำให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์มือใหม่รู้สึกกังวลไม่น้อย เพราะถ้าแพ็คไม่ดี ไม่แน่นหนาพอ นอกจากจะทำให้สินค้าไปถึงมือผู้รับอย่างไม่สมบูรณ์แบบ เสี่ยงต่อความเสียหายสูงแล้ว ก็อาจทำให้การส่งล่าช้าหรือถูกตีกลับได้อีกด้วย จึงทำให้การแพ็คสินค้าแต่ละครั้งต้องมีความระมัดระวังจนกลายเป็นแพ็คช้าลง ดังนั้นลองมาดู 7 เทคนิคแพ็คของอย่างไรให้เร็วและปลอดภัย เพื่อสินค้าส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ดังนี้

อ่านเพิ่มเติม : แหล่งค้าส่งออนไลน์ , เรียนรู้วิธี แพ็คอย่างไรไม่ให้ซ้ำ , 5 วิธีแพ็คของแพ็คยังไงไม่ให้เสียหาย

1.เตรียมขนาดกล่องให้หลากหลาย

ถ้าคุณกำลังสงสัยว่าแพ็คของอย่างไรให้เร็ว ก่อนที่คุณจะทำการส่งสินค้าคุณควรเตรียมขนาดของกล่องให้มีความหลากหลาย โดยให้คุณดูว่าสินค้าที่คุณต้องการส่งนั้นมีขนาดใดบ้าง แล้วเตรียมซื้อกล่องที่มีขนาดพอดีกับสินค้าที่ต้องการส่งหรืออาจจะใหญ่กว่าเล็กน้อย พร้อมเตรียมกล่องทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่สำหรับผู้ซื้อที่สั่งของเป็นจำนวนมาก การเตรียมขนาดของกล่องที่มีความหลากหลายเก็บไว้ที่บ้าน เมื่อคุณต้องแพ็คของส่งคุณจะสามารถทำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องวุ่นวายไปซื้อกล่องที่จุดบริการขนส่งสินค้า เพราะคุณทำการแพ็คกล่องเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ที่บ้าน เมื่อไปถึงศูนย์ขนส่งคุณก็สามารถเตรียมทำเอกสารเพื่อส่งสินค้าไปตามจุดต่างๆ ที่คุณต้องการได้ทันที จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตการแพ็คของและส่งสินค้าง่ายดายมากยิ่งขึ้น

2.เตรียมวัสดุกันกระแทกให้เหมาะสม 

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คุณควรเตรียมไว้ ถ้าคุณต้องการให้แพ็คของอย่างไรให้เร็ว คือ การซื้อวัสดุกันกระแทกอย่างแผ่นรองกันกระแทกหรือแผ่น Bubble มาเตรียมไว้ที่บ้าน เมื่อถึงเวลาที่คุณจะต้องส่งสินค้าก็เพียงแค่นำสินค้ามาห่อกันกระแทกทันที พร้อมกับแยกส่วนสินค้าที่จะส่งไว้ภายในกล่องและมีการจดบันทึกไว้ตามกล่องต่างๆ เพื่อทำให้คุณส่งสินค้าได้อย่างถูกต้อง ซึ่งการเตรียมวัสดุกันกระแทกให้เหมาะสมนั้น คุณควรดูที่ชนิดของสินค้าด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นสินค้าที่แตกหักเสียหายง่าย คุณควรแพ็คกันกระแทกค่อนข้างหนาและเลือกใช้กล่องที่มีขนาดพอดีกับตัวสินค้า รวมไปถึงการใส่เม็ดโฟมเพิ่มหรือการอัดกระดาษเพื่อลดแรงกระแทกลง นอกจากนี้คุณควรเตรียมวัสดุปิดกล่องอย่างสก๊อตเทปขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ มีความเหนียวและทนทาน เพื่อทำให้สินค้าภายในได้รับความปลอดภัยมากที่สุด

3.เตรียมถุงพลาสติกอีกชั้น

เมื่อคุณแพ็คสินค้าด้วยแผ่นรองกันกระแทกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คุณเตรียมถุงพลาสติกอีก 1 ชั้น เพื่อห่อหุ้มสินค้าหรือถ้าเป็นสินค้าที่มีชิ้นเล็กที่เป็นแบบหลอดหรือตลับ รวมไปถึงเป็นแบบเนื้อครีมที่อาจจะแตกเสียหายได้ง่าย ให้คุณห่อด้วยถุงพลาสติกก่อนอีก 1 ชั้น แล้วจึงค่อยห่อด้วยบับเบิ้ลต่อ เพื่อทำให้ช่วยลดแรงกระแทกได้มากขึ้นและยังเป็นตัวช่วยจัดระเบียบสินค้าและแยกประเภทได้อย่างถูกต้อง ทำให้คุณไม่รู้สึกสับสนมากจนเกินไป

4.เลือกกล่องคุณภาพ

กล่องที่คุณต้องการใช้งานและมีการเตรียมซื้อไว้ควรเลือกเป็นกล่องที่มีคุณภาพ เป็นกล่องลูกฟูกอย่างหนา เพื่อทำให้การส่งสินค้ามีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะคุณภาพของกล่องจะเป็นหนึ่งในตัวช่วยลดแรงกระแทกได้ดี ที่สำคัญคือเมื่อต้องเจอกับสภาพอากาศที่ไม่ว่าจะชื้นหรือเปียกฝนก็จะสามารถคุ้มครองสินค้าที่อยู่ภายในกล่องได้เป็นอย่างดี

5.เลือกประเภทของกล่องให้เหมาะสมต่อสินค้า

ถ้าคุณต้องการดูว่าแพ็คของอย่างไรให้เร็ว คุณควรเลือกประเภทของกล่องให้เหมาะสมต่อตัวสินค้า โดยการเตรียมกล่องประเภทพิเศษไว้สำหรับสินค้าของคุณโดยเฉพาะ เช่น ถ้าคุณต้องส่งแก้วหรือของแตกหักเสียหายง่าย นอกจากการห่อบับเบิ้ลแล้ว คุณควรเลือกกล่องที่ด้านในสามารถซัพพอร์ตสินค้าชนิดแตกหักง่ายได้ รวมไปถึงการใช้ซองแบบพิเศษที่มีบับเบิ้ลด้านในติดมาให้ เพื่อรองรับสินค้าที่มีรูปทรงเป็นแผ่นและอาจจะหักง่ายด้วยเช่นกัน เตรียมประเภทของกล่องให้เหมาะสมต่อสินค้าไว้ทุกสถานการณ์ เมื่อมีผู้สั่งสินค้าแบบพิเศษคุณจะสามารถแพ็คของแล้วเตรียมส่งได้ทันที โดยไม่ต้องวิ่งซื้อให้เสียเวลา

6.จัดวางสินค้าให้ถูกจุด

อีกหนึ่งคำตอบของแพ็คของอย่างไรให้เร็ว คือ การที่คุณรู้จุดจัดวางสินค้าอย่างถูกต้อง ซึ่งคุณควรวางสินค้าไว้ตรงกลางของกล่องแล้วทำการอัดกระดาษหรือวัสดุกันกระแทกล้อมรอบตัวสินค้า เพื่อไม่ให้สินค้าเกิดความเสียหายได้ง่าย การจัดสินค้าไว้ตรงกลางเมื่อถูกกระแทกไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม จะไม่ทำให้สินค้าได้รับการกระทบกระเทือนที่มากจนเกินไป หรือแม้แต่กล่องสินค้าที่ถูกน้ำ เมื่อเปียกที่มุมใดมุมหนึ่งก็จะไม่สามารถเข้าถึงตัวสินค้าได้ด้วยเช่นกันหรือแม้แต่การเปียกที่ด้านบนหรือด้านล่างของสินค้า ดังนั้นคุณจึงควรวางสินค้าไว้ตรงกลางกล่องแล้วใช้ตัวกันกระแทกรองรับทั้งด้านข้าง 4 ด้าน, ด้านล่างและด้านบนของกล่องให้ครบถ้วน เพื่อทำให้สินค้าเกิดความปลอดภัยมากขึ้น

7.เตรียมชื่อ-ที่อยู่ผู้รับให้พร้อม

เมื่อคุณได้ชื่อ-ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของผู้รับมาเรียบร้อยแล้ว ให้คุณทำการเขียนติดหน้ากล่องไว้ทันทีหรือถ้าต้องการความสะดวกกว่านั้น ให้คุณพิมพ์แล้วปริ้นลงบนสติ๊กเกอร์เตรียมไว้ เมื่อถึงเวลาต้องส่งของคุณก็จะสามารถแปะชื่อ-ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของผู้รับได้ทันที วิธีนี้นอกจากจะทำให้การแพ็คของอย่างไรให้เร็วแล้วยังช่วยทำให้การจัดสินค้าส่งลูกค้าเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่พลาดส่งสินค้าผิดอีกด้วย ทั้งยังทำให้ดูสวยงามและมีความเป็นมืออาชีพอีกด้วย


ถ้าคุณต้องการรู้ว่าแพ็คของอย่างไรให้เร็วและปลอดภัย สินค้าถึงมือของผู้รับได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ทำให้ผู้ขายต้องเสียเงินทุนมากจนเกินไป คุณสามารถนำทั้ง 7 เทคนิคนี้ไปร่วมใช้กับการแพ็คของและส่งสินค้าของคุณได้ รับรองว่าสินค้าของคุณจะถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็ว ลดการแพ็คของที่ใช้เวลานานจนเกินไปและช่วยทำให้สินค้าปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย