แชร์เทคนิคเอาตัวรอดจากสงครามราคา ทำง่ายไม่ต้องใช้การลดต้นทุน

ในช่วงปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะธุรกิจขนาดเล็ก หรือ ขนาดใหญ่ คงจะหนีไม่พ้น ผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้หลายๆธุรกิจต้องหากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจตัวเองสามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งกลยุทธ์ในการทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้ มีตั้งแต่ การลดต้นทุน การควบคุมค่าใช้จ่าย หรือแม้กระทั่งการลองค้นหาธุรกิจที่บริษัทเราอาจจะมีความสามารถในการดำเนินการได้ โดยในวันนี้เราอยากจะขอเสนอกลยุทธ์ในการหนีตัวเองออกจากสงครามราคา เพื่อให้ขายสินค้าได้โดยไม่ต้องลดต้นทุนแข่งขันกับเจ้าอื่น เพราะการลดต้นทุนถ้าเราไม่มีสายป่านที่ยาวจริงๆ เราอาจจะเจ๊งไปก่อนได้

เทคนิคที่น่าสนใจที่มักนิยมใช้กันจะมีด้วยกัน 4 เทคนิคก็คือ

1. สร้างตัวเองให้เป็นมากกว่าร้านค้าทั่วไป

ในอดีตร้านค้ามีหน้าทีเพียงรับสินค้ามาแล้วก็จำหน่ายผ่านหน้าร้านหรือตัวแทนของตัวเอง ซึ่งในปัจจุบันไม่สามารถทำได้แล้วเพราะลูกค้ามีความต้องการที่หลากหลายและมักจะชอบไปซื้อของที่มีบริการแบบครบวงจร ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าร้านค้าบ้างร้านนอกจากจะจำหน่ายสินค้าแล้วยังมีบริการส่งจัดส่งสินค้าถึงหน้าบ้านหรือ การให้คำปรึกษาหลังการขาย การที่เรามีครบวงจรเช่นนี้ก็เป็นกลยุทธ์ที่ดึงลูกค้าให้อยู่กับเราได้ เกิดความผูกพันระหว่างร้านค้าและลูกค้า

2. สร้างความแตกต่างของสินค้า

การขายสินค้าเฉพาะที่ตัวเองถนัดอาจจะไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ลองมองหาว่าสินค้าที่ตัวเองทำอยู่นั้นสามารถนำไปต่อยอดอะไรต่อได้บ้าง แถมยังเป็นการคิดค้นสินค้าใหม่ๆโดยอาศัยสินค้าเดิมมาต่อยอด (ลดต้นทุนการหาวัตถุดิบได้) ลองฉีกตัวเอง เช่น เราอาจจะเคยเป็นแค่คนปลูกผลไม้ ลองนำมาแปรรูปทำเป็นขนมคบเคี้ยว หรือ ทำเป็นน้ำผลไม้ดู และหาจุดแข็งที่ทำให้เราต่างจากคู่แข่ง

3. ตรวจสอบกลยุทธ์การตลาด

ถึงแม้การลดราคา โดยอาศัยการลดต้นทุนของสินค้า จะถือเป็น 1 ในกลยุทธ์ที่มักจะได้ผล แต่จะได้ผลเพียงระยะสั้นๆเนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเช็คข้อมูลได้ ลองใช้กลยุทธ์ที่ทำให้ลูกค้าไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ โดยไม่เป็นการเพิ่มต้นทุนของเรา เช่นการเก็บข้อมูลของลูกค้าเอาไว้ และศึกษาดูว่าปกติลูกค้าคนนี้ชอบซื้ออะไรกับอะไร ถ้าไม่ไกลมาก ลองบริการส่งถึงหน้าบ้านเขาดู

4. ฟังเสียงลูกค้า

การฟังเสียงจากลูกค้าก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราควรจะทำและใส่ใจ โดยบางครั้งเราอาจจะได้รับความคิดเห็นที่เซอร์ไพรส์เราก็ได้ ซึ่งบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรมากมาย อาจจะแค่มีของรางวัลเล็กๆน้อยๆ หรือลดค่าอาหารเครื่องดื่ม แลกกับการให้แสดงความคิดเห็นผ่านระบบ google form หรือ ใบแสดงความคิดเห็นหน้าร้านก็ได้

รู้จักฟีเจอร์ของเรา             สมัครสมาชิก

และสำหรับผู้ประกอบการท่านใด ที่ยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไรกับสินค้าตัวเอง เราก็มีเทคนิคในการเริ่มทำแบรนด์ของตัวเองให้เป็นที่รู้จักมาแนะนำกัน มีด้วยกัน 3 ขั้นตอนดังนี้

1. สำรวจสินค้าท้องตลาดว่าเป็นอย่างไร

ยิ่งสินค้าเราเป็นสินค้าที่มีเต็มท้องตลาดยิ่งต้องสร้างแบรนด์สินค้าให้มีความชัดเจนกว่าแบรนด์อื่น โดยเริ่มแรกเราอาจจะลองสำรวจว่า คู่แข่งเรานั้นใช้คำอะไรในการสื่อสารกับลูกค้า แล้วลองทำสรุปดูว่าแล้วจุดไหนบ้างที่เราจะสามารถสร้างความแตกต่างได้ หรือจะทำแพ็คเกจจิ้งให้แตกต่าง สะดุดตา

2. สร้างเรื่องราวของแบรนด์

ยกตัวอย่างเคสอย่างแบรนด์ศรีจันทร์ที่มีเรื่องราวถึงแม้จะเป็นแบรนด์เก่าแก่ แต่มีการปรับภาพลักษณ์ให้ตัวเองมีความทันสมัยปรับเปลี่ยนแพคเกจจิ้งใหม่ ให้มีความน่าสนใจ ผสมผสานกับการปรับปรุงสูตรใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย โดยยึดหลักการทำตลาดไม่ให้กระทบกับลูกค้าเก่าที่ใช้งานอยู่ การทำเรื่องราวเหล่านี้ทำให้ภาพลักษณ์ของศรีจันทร์ดูเปลี่ยนไป มีความทันสมัยมากขึ้น ดังนั้น การที่มีเรื่องราวของแบรนด์จะทำให้สินค้าของเหล่าน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

3. สร้างความชัดเจนให้กับสินค้าของตัวเอง

เมื่อเราได้สำรวจปัจจัยภายในและภายนอกแล้ว ทีนี้เราก็สามารถกำหนดกลยุทธ์และทิศทางแบรนด์สินค้าของตัวเองได้แล้วว่าเราจะไปในทิศทางไหน เพื่อให้การทำแบรนด์มีความชัดเจน ไม่เหมือนกับของคนอื่น และยังเป็นการลดต้นทุน ในการลงโฆษณา หรือการตลาดโดยไม่รู้จะกลุ่มเป้าหมายสินค้าเราจะเห็นหรือไม่


มีปัญหาเรื่องธุรกิจออนไลน์ อยากใช้ระบบจัดการร้านค้า โทรปรึกษา Fillgoods ฟรี!

โทรเลย 021146800 กด 1

วันจันทร์ – วันศุกร์
เวลา 09.00 – 18.00 น.

รู้จักฟีเจอร์ของเรา             สมัครสมาชิก