การเพิ่มยอดขายในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ส่งผลทำให้พฤติกรรมของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควรทั้งด้านการติดต่อสื่อสาร การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า การบริโภคและการตลาด เป็นต้น โดยกิจกรรมหลายๆ อย่างของผู้คนได้ถูกย้ายไปอยู่บนโลกออนไลน์ ในรายงานของ Marketing oops พบว่า จำนวนผู้ใช้งาน Social Media จากทั่วโลกในปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 3,484 ล้านคน ซึ่งเติบโตจากปี 2561 ที่มีผู้ใช้ Social Media อยู่ที่ 3,196 ล้านคน
ด้วยเหตุนี้สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดธุรกิจออนไลน์การเพิ่มยอดขายด้วยการจัดโปรโมชั่นต่างๆ ที่เคยทำก่อนหน้านี้ เช่น การลด แลก แจก แถม อาจจะไม่เพียงพอที่จะช่วยดึงดูลูกค้าจากร้านค้าคู่แข่ง รวมถึงดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ใช้ Social media ได้ มิหนำซ้ำการใช้กลยุทธ์ในการขายแบบดังกล่าวอาจจะทำให้เราขาดทุนเสียเองด้วย
ในบทความนี้ เรามี 5 วิธีในการเพิ่มยอดขาย มาฝากพ่อค้าแม่ค้าให้ลองนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองกันดู ซึ่งจะมีวิธีอะไรบ้างลองไปดูกันเลย
อ่านเพิ่มเติม : ยิง Ads อย่างไรให้มียอดขาย , ยอดขายน้อยส่งเก็บเงินปลายทางได้ไหม , เพิ่มยอดขายใน Facebook
รู้จักฟีเจอร์ของเรา สมัครสมาชิก
วิธีที่ 1 การให้ความสำคัญกับการเขียนโพสต์
วิธีนี้จะช่วยเราเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณาได้ ถ้าหากเราใส่ใจกับการเขียน Content Header หรือข้อความแรกที่ลูกค้าจะเห็น ซึ่งจะอยู่ด้านบน ทำหน้าที่เสมือนการเกริ่นนำ โดยจะมีอยู่ประมาณ 1-2 บรรทัด ซึ่งถ้าเราเขียนเนื้อหาใน Header น่าสนใจ ลูกค้าก็จะคลิกที่อ่านเพิ่มเติม (See more) เพื่อเข้ามาดูเพิ่มในโพสต์และในเพจ (Page) ของเรา ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเขียนให้ดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้ได้ โดยต้องเขียนให้ชัดเจนว่าสินค้าของเรามีประโยชน์ และจำเป็นสำหรับลูกค้าอย่างไร เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
วิธีที่ 2 อาจจะนำหลักการทางจิตวิทยามาช่วยในการเพิ่มยอดขาย
วิธีนี้ทำได้ง่ายๆ คือการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของลูกค้าด้วยการจัด Event หรือกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า หากลองสังเกตพฤติกรรมของผู้บริโภคดูจะเห็นว่าเมื่ออะไรที่อยู่ในกระแสที่คนกำลังสนใจ ความต้องการซื้อสินค้าดังกล่าวก็จะเพิ่มขึ้นทันที หรือหากมีเหตุการณ์อะไรที่มีคนมุ้งดูเป็นจำนวนมาก เหตุการณ์นั้นก็จะได้รับความสนใจจากคนในสังคมนั้นเอง
หลักจิตวิทยาต่อมาคือการลดขั้นตอนในการติดต่อ ขั้นตอนการซื้อ ขั้นตอนการส่งสินค้า เป็นต้น ไม่ให้ซับซ้อนเกินไป จะช่วยอำนวยความสะดวกและทำให้ผู้บริโภครู้สึกอยากซื้อมากขึ้น และหลักจิตวิทยาสุดท้ายคือการตัดตัวเลือกให้น้อยลงเนื่องจากการมีตัวเลือกเยอะจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจยากขึ้น มีความลังเลและเปรียบเทียบความคุ้มค่าในการซื้อ โดยลูกค้าบางคนอาจมีงบประมาณที่จำกัดในการซื้อ ดังนั้นการมีสินค้าที่มากเกินไปและไม่โดดเด่นอาจทำให้ลูกค้าตัดสินใจไม่ได้
วิธีที่ 3 พูดคุยกับลูกค้าด้วยความเป็นกันเอง
การพูดคุย การทักทาย การตอบคำถามและการให้ความช่วยเหลือลูกค้า เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขาย ทำให้ลูกค้าประทับใจและเห็นความใส่ใจของเรา ยิ่งถ้าหากเป็นการขายของออนไลน์ที่เราไม่ได้พูดคุยกับลูกค้าทางตรง เรายิ่งจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความใส่ใจในการบริการลูกค้ามากขึ้นเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าของเราซ้ำในครั้งต่อไป
วิธีที่ 4 ขายสินค้าคุณภาพ
แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการมากที่สุด สามารถจับจ่ายได้ในราคาที่แพงถ้าหากสินค้านั้นๆ มีคุณภาพดี ทั้งนี้การขายสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ นอกจากจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าของเราและทำให้ลูกค้าอยากอุดหนุนสินค้าของเราตลอดไปแล้ว ยังเป็นการเริ่มกลยุทธ์ในการขายแบบ ปากต่อปาก โดยลูกค้าที่ประทับใจในคุณภาพของสินค้าจะช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าและช่วยเร่งยอดขายแบบที่เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโปรโมทเลย
รู้จักฟีเจอร์ของเรา สมัครสมาชิก
วิธีที่ 5 การรักษาจรรยาบรรณในการขาย
เทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน นอกจากการพิจารณาในเรื่องของคุณภาพและราคาของสินค้าแล้ว ผู้บริโภคยังมักจะพิจารณาซื้อสินค้าจากภาพลักษณ์หรืออุดมการณ์ของเจ้าของธุรกิจด้วย ดังนั้นในการค้าขายสินค้าและบริการ พ่อค้าแม่ค้าจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องจรรยาบรรณอยู่เสมอ โดยจรรยาบรรณเบื้องต้นในการขายสินค้า ได้แก่
- ความซื่อสัตย์และมีความจริงใจต่อลูกค้า สามารถทำได้โดยการให้ข้อมูลตามความจริงกับลูกค้า ทั้งข้อมูลของสินค้า และข้อมูลของร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการติดต่อ เลขทะเบียนการค้า หรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ขั้นตอนในการซื้อขาย ระยะเวลาในการจัดส่ง ตลอดจนการประกันสินค้า
- มี Passion ในการขายและการให้บริการที่ดี สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการตอบข้อสงสัย การช่วยเหลือ การแก้ไขปัญหาของลูกค้า และการให้บริการหลังการขายโดยที่ลูกค้าไม่ได้ร้องขอ เป็นต้น ด้วยความเต็มใจเพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
- เปิดรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า การที่เราเปิดรับฟัง Feedback และคำติชมจากลูกค้าถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพ่อค้าแม่ค้าในแง่ การพัฒนาสินค้าและบริการของเราให้ดีขึ้นเพราะลูกค้าคือปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจของเราให้ประสบความสำเร็จ และจะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราใส่ใจและให้ความสำคัญกับทุกๆ ความคิดเห็นจากลูกค้า โดยการปรับปรุงสินค้าและบริการของเราให้ดีขึ้น