สำหรับการขนส่งสินค้าใหญ่ ต้องมีขั้นตอนการขนส่งที่มีความระมัดระวังสูง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดความเสียหายได้ง่าย สินค้ายิ่งมีขนาดใหญ่มากแค่ไหนก็ยิ่งเสี่ยงต่อความเสียหายที่แสนง่ายดาย ผู้ส่งสินค้าขนาดใหญ่และผู้ที่ให้บริการขนส่งจึงต้องมีวิธีการและขั้นตอนที่มีความปลอดภัยสูง เพื่อให้สินค้าชิ้นใหญ่ถึงมือผู้รับได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด ดังนั้นถ้าคุณต้องการส่งสินค้าขนาดใหญ่แบบไม่ให้เกิดความเสียหายและปัญหาใดๆ ลองมาดู 6 ข้อควรรู้ก่อนขนส่งสินค้าใหญ่ คือ
อ่านเพิ่มเติม : ขายของออนไลน์เลือกบริการส่งสินค้าของอะไรดี , ขนส่งอะไรดี , น้ำหนัก EMS ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ , เรียนรู้วิธี แพ็คอย่างไรไม่ให้ซ้ำ , เปิดตัวพาร์ทเนอร์ขนส่งใหม่
1. ขนาดของสินค้าที่ชัดเจน
ขนาดและน้ำหนักของสินค้ามีความสำคัญอย่างมากต่อการขนส่งสินค้าใหญ่ เพราะจะเป็นตัวช่วยบอกให้คุณรู้ว่าควรใช้หีบห่อแบบใดและควรใช้วิธีการขนส่งแบบไหนจึงจะเหมาะสมมากที่สุด ยิ่งถ้าเป็นการขนส่งแบบข้ามประเทศด้วยแล้ว สินค้าขนาดใหญ่จะต้องมีการเสียภาษี ดังนั้นคุณต้องรู้ก่อนว่าขนาดของสินค้าและน้ำหนักนั้นจะทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยรวมเท่าไหร่และควรขนส่งในรูปแบบใด จึงจะทำให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด เช่น ถ้าสินค้าที่ส่งนั้นมีน้ำหนักมากกว่า 20 กิโลกรัมขึ้นไป การจัดส่งพัสดุจะต้องเป็นแบบพิเศษที่อาจจะต้องเสียค่าส่งตามน้ำหนักที่ราคาจะสูงกว่าการส่งพัสดุทั่วไป ทั้งยังรวมไปถึงการใช้กล่องบรรจุที่มีความพิเศษด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ทำให้เกิดปัญหาเสียหายในขณะที่ขนส่ง แต่ถ้าชิ้นไม่ใหญ่มากเพียงแต่น้ำหนักสูงจะสามารถส่งด้วยรถยนต์ 4 ล้อหรือรถยนต์ 6 ล้อได้ แต่ถ้าเป็นสินค้าที่มีขนาดใหญ่มากอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการจัดส่งที่มากขึ้นและการบรรจุใส่หีบห่อจะต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง ที่สำคัญคือรูปแบบการขนส่งอาจจะต้องเปลี่ยนจากรถยนต์กลายมาเป็นเครื่องบินหรือการแพ็คใส่ตู้คอนเทนเนอร์ที่จะไปกับรถพ่วงแทน ตรงจุดนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไปจึงควรศึกษารายละเอียดและดูขนาดกับน้ำหนักสินค้าให้ชัดเจนก่อนการส่ง เพื่อให้คุณได้วางแผนการส่งอย่างถูกต้อง
อ่านเพิ่มเติม : 4 ขนส่งอาหารสดคุณภาพ , ส่งพัสดุให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย
รวม 5 ขนส่งของแช่เย็น พร้อมรายละเอียด
2. การแพ็คสินค้า
การแพ็คสินค้าถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เมื่อคุณรู้ขนาดของสินค้าและประเภทของสินค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณควรรู้จักวิธีการแพ็คของที่จะลดความเสี่ยงต่อความเสียหายได้มากที่สุด ดังนั้นก่อนขนส่งสินค้าใหญ่คุณควรรู้ว่าภายในเป็นสินค้าชนิดใด ถ้าเป็นสินค้าที่แตกหักเสียหายง่ายจะต้องมีการแพ็คด้วยอุปกรณ์หรือกระดาษ รวมไปถึงการห่อบับเบิ้ลและใช้อุปกรณ์กันกระแทกโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการแตกหักเสียหายในขณะเคลื่อนย้ายและการขนส่ง หรือถ้าสินค้านั้นเป็นสินค้าที่มีราคาสูงก็อาจจะต้องแพ็คด้วยวิธีพิเศษเพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยในการขนส่งมากที่สุด ยิ่งถ้าเป็นสินค้าที่มีขนาดใหญ่ด้วยแล้วยิ่งต้องพิถีพิถันในการบรรจุสินค้าหรือการปกปิดสินค้าให้มีความแน่นหนา เพราะจะมีความเสี่ยงตั้งแต่ส่วนของการเคลื่อนย้ายไปจนถึงการขนส่ง ผู้ส่งสินค้าจึงควรศึกษาเรื่องการแพ็คหรือบรรจุสินค้าให้ดีก่อนการส่งทุกครั้ง
3. บรรจุภัณฑ์ใส่สินค้า
เมื่อรู้ถึงประเภทของสินค้า ขนาด และน้ำหนักที่ชัดเจนแล้ว หลังจากการแพ็คในชั้นแรกต่อมาให้คุณเลือกบรรจุภัณฑ์ที่จะใส่สินค้า ถือว่าเป็นอีกหนึ่งชั้นสำคัญที่จะช่วยปกป้องสินค้าได้มากขึ้น เช่น การเลือกกล่องแบบหนาพิเศษ, กล่องลูกฟูกชนิดแข็ง หรือกล่องเหล็ก รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์กล่องเก็บความเย็น เก็บอุณหภูมิ และพลาสติกชนิดต่างๆ ที่จะมาเป็นตัวห่อหุ้มสินค้าขนาดใหญ่ โดยจะเป็นชั้นนอกที่จะช่วยลดแรงกระแทกในการเคลื่อนย้ายและการขนส่งสินค้าหลังจากการแพ็คสินค้าภายในให้แน่นหนาแล้ว ดังนั้นการเลือกบรรจุภัณฑ์เพื่อใส่สินค้าด้านนอกจึงถือว่ามีความสำคัญต่อการขนส่งสินค้าใหญ่ไม่แพ้ส่วนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน คุณจึงควรเลือกแบบมีคุณภาพ มีความแข็งแรง และทำให้คุณมั่นใจได้ว่าสินค้าจะส่งถึงมือผู้รับได้อย่างสมบูรณ์แบบ
4. อุปกรณ์ส่งสินค้า
สินค้าบางชนิดก่อนที่จะส่งถึงบริษัทโลจิสติกส์อาจจะต้องมีการใช้เพลทหรือรถขนส่งต่างๆ รวมไปถึงรถยกและอุปกรณ์ตัวช่วยที่จะทำให้การส่งสินค้าขนาดใหญ่มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ยิ่งสินค้าของคุณใหญ่มากแค่ไหนคุณยิ่งต้องมีอุปกรณ์เหล่านี้ไว้เป็นตัวช่วยในการส่งสินค้า เพื่อทำให้การขนส่งสินค้าใหญ่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ลดการเกิดปัญหาความเสียหายต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีการเรียกบริษัทขนส่งเข้ามารับสินค้าภายในโรงงานอุตสาหกรรมหรือที่บริษัท คุณควรมีอุปกรณ์ส่งสินค้าที่ได้มาตรฐานเป็นตัวช่วยในการยกขึ้นรถ แม้ว่าทางบริษัทขนส่งอาจจะมีอุปกรณ์เหล่านี้มาด้วย แต่ถ้าคุณเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานของตัวเองก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณได้มากขึ้น
5. ระบุถึงประเภทสินค้า
เมื่อทำการเดินเรื่องเพื่อจะส่งสินค้า อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม คือ การระบุถึงประเภทสินค้าอย่างชัดเจนที่สุดให้กับทางบริษัทขนส่ง เพื่อให้การขนส่งเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีส่วนใดเสียหายหรือเกิดการฟ้องร้องกันในภายหลัง เพราะการระบุอย่างชัดเจนและมีการตรวจสอบมาเป็นอย่างดี จะทำให้การตรวจสอบสินค้าเมื่อถึงมือของลูกค้าเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้บริษัทขนส่งสินค้าใหญ่สามารถตรวจสอบและขนส่งอย่างระมัดระวังมากขึ้นอีกด้วย
6. ตรวจสอบสถานะสินค้าอยู่เสมอ
เมื่อพัสดุเริ่มออกเดินทางคุณควรตรวจสอบสถานะของพัสดุอยู่เสมอและควรเก็บเลขพัสดุไว้ให้ดี ถ้าพัสดุไปตกค้างอยู่ตรงจุดใดจุดหนึ่งนานเกินไป ควรโทรสอบถามกับทางบริษัทขนส่งทันที เพื่อดูว่าเกิดปัญหาใดกับตัวพัสดุหรือไม่ ขั้นตอนนี้จะเป็นตัวช่วยทำให้คุณรู้ว่าพัสดุยังคงปกติดีอยู่หรือไม่และอยู่ในขั้นตอนใด ทั้งยังทำให้คุณสามารถตอบคำถามลูกค้าได้ดีมากขึ้นอีกด้วย
ถ้าคุณต้องการขนส่งสินค้าใหญ่ไปสู่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ คุณควรรู้ทั้ง 6 ข้อนี้เพื่อทำให้คุณสามารถส่งสินค้าถึงมือผู้รับได้อย่างสมบูรณ์แบบและไม่ทำให้เกิดความเสียหายระหว่างการขนส่ง พร้อมทำให้ผู้รับรู้สึกประทับใจต่อตัวสินค้าและทำให้ธุรกิจของคุณไม่เสียหายอีกด้วย